ไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหานี้ได้เนื่องจากคุกกี้ถูกปิดใช้งาน หากต้องการเข้าถึงเนื้อหานี้ จำเป็นต้องเปิดใช้งานคุกกี้ โปรดคลิกปุ่มด้านล่าง เปิดใช้งานคุกกี้ แล้วรีเฟรชหน้านี้ คุณสามารถจัดการการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยใช้เครื่องมือตั้งค่าคุกกี้
ลูกน้อยวัย 6 เดือน เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่คุณพ่อคุณแม่จะเริ่มเห็นพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ การสื่อสาร และพัฒนาการในด้านการรับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว แคร์ ชวนคุณพ่อคุณแม่มาเช็คกันค่ะว่า พัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกน้อยวัย 6 เดือน มีอะไรเปลี่ยนแปลงกันบ้าง คุณแม่สามารถป้อนอาหารเสริมให้กับทารกวัย 6 เดือนได้หรือยังนะ พร้อมเคล็ดลับดี ๆ จากผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อยเติบโตได้อย่างสมวัย
น้ำหนักและส่วนสูงของเด็กทารกวัย 6 เดือน เป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนให้ความสำคัญ เพื่อติดตามการเจริญเติบโตของลูกน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เด็กแต่ละคนจะมีอัตราการเจริญเติบโตที่แตกต่างกันไป โดย WHO (World Health Organization) ได้กำหนดเกณฑ์มาตรฐานน้ำหนักและส่วนสูงของทารกวัย 6 เดือน เพื่อเป็นแนวทางในการประเมินพัฒนาการของลูกน้อยได้ ดังนี้
เกณฑ์มาตรฐานน้ำหนักและส่วนสูงของทารกวัย 6 เดือน
ทารกเพศชายวัย 6 เดือน | ทารกเพศหญิงวัย 6 เดือน | ||
น้ำหนัก (กิโลกรัม) | ส่วนสูง (เซนติเมตร) | น้ำหนัก (กิโลกรัม) | ส่วนสูง (เซนติเมตร) |
7.5 – 7.9 | 65 – 67.6 | 6.5 – 7.3 | 64 – 65.7 |
จะเห็นได้ว่า ทารกเพศชายวัย 6 เดือนจะมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 7.5 กิโลกรัม ส่วนทารกเพศหญิงมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 6.5 กิโลกรัม ความยาว ขณะที่ทารกเพศชายจะมีความยาวจากศีรษะจรดเท้าประมาณ 65 เซนติเมตร สำหรับทารกเพศหญิง จะมีความยาวจากศีรษะจรดเท้าประมาณ 64 เซนติเมตร
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าเด็กทารกวัย 6 เดือนทุกคนจะมีเกณฑ์การเติบโตเท่ากันเสมอไปนะคะ ตัวเลขนี้เป็นเพียงค่าเฉลี่ยเท่านั้น ซึ่งเด็กบางคนอาจมีน้ำหนักตัว หรือความยาวไม่ตรงตามค่าดังกล่าวก็ได้ เพราะเด็กทารกแต่ละคนมีการเจริญเติบโตที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม โภชนาการ สุขภาพ และการเคลื่อนไหวของร่างกาย ที่มีส่วนช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและกระดูกอีกด้วย
**Note: ลูกน้อยอาจจะงอแงโดยไม่ทราบสาเหตุ เพราะทารกวัย 6 เดือนเริ่มมีฟันขึ้น ซึ่งอาจทำให้ลูกรักมีอาการเจ็บเหงือก น้ำลายไหล ร้องไห้ ไม่รับประทานอาหาร มีไข้ และงอแงจนไม่ยอมนอน หากมีอาการเหล่านี้ควรพาลูกน้อยไปหาคุณหมอเพื่อหาสาเหตุจะดีที่สุดค่ะ
พัฒนาการของทารกวัย 6 เดือน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้ค่ะ คุณแม่จะสังเกตเห็นลูกน้อยเริ่มพลิกคว่ำพลิกหงายได้คล่องแคล่วมากขึ้น บางคนอาจเริ่มนั่งได้ด้วยตัวเองโดยใช้มือช่วยพยุง อีกทั้งกล้ามเนื้อมัดเล็กของลูกก็แข็งแรงขึ้น ทำให้เขาสามารถหยิบจับของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ได้แม่นยำมากขึ้น สำคัญที่สุดคือ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูกน้อยจะสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็น
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกน้อยวัยนี้จะเริ่มแสดงความสนใจต่อสิ่งรอบตัวมากขึ้น ลูกจะมองตามวัตถุที่เคลื่อนที่ หันหน้าไปตามเสียงเรียก และเริ่มส่งเสียงอ้อแอ้เพื่อสื่อสารกับคนรอบข้าง ซึ่งเป็นพัฒนาการที่สำคัญมาก ๆ ลองสังเกตลูกน้อยของคุณดูนะคะว่า มีพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่? นั่นหมายความว่า ลูกน้อยเริ่มมีทักษะใหม่ ๆ ในการสื่อสารแล้วค่ะ
การเลือกของเล่นที่เหมาะสมกับวัยเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับพัฒนาการทารก 6 เดือน ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้เลือก ของเล่นที่มีสีสันสดใส มีเสียง และมีพื้นผิวที่แตกต่างกันไป เพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งการมองเห็น การได้ยิน และการสัมผัสของลูกน้อย เช่น หนังสือผ้าที่มีรูปภาพและเสียง บล็อกนิ่ม ๆ ที่สามารถกัดได้ หรือโมบายที่มีเสียงเพลง ของเล่นเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกาย สติปัญญา และอารมณ์ของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี
นอกจากการเลือกของเล่นของเล่นที่เหมาะสำหรับทารกวัย 6 เดือน แล้วยังมีกิจกรรมสนุก ๆ อีกมากมาย ที่คุณแม่สามารถเล่นกับลูกน้อยเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเขาได้ เช่น การอ่านนิทาน การร้องเพลง การเล่นจ๊ะเอ๋ หรือการพาลูกน้อยออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติในช่วงเช้า หรือช่วงบ่ายแก่ ๆ ที่อากาศไม่ร้อนจนเกินไป กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านร่างกาย สติปัญญา และอารมณ์ของลูกน้อยเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความผูกพันและความทรงจำที่แสนพิเศษสำหรับคุณแม่และลูกน้อยนั่นเองค่ะ
**Note: คุณแม่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกน้อยเป็นอันดับหนึ่งเสมอ แนะนำให้เลือกของเล่นที่ไม่มีชิ้นส่วนแหลมคม ไม่มีชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่ลูกน้อยอาจกลืนลงไปได้ และควรทำความสะอาดของเล่นอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขอนามัยที่ดีของลูกน้อยค่ะ
เมื่อลูกน้อยอายุครบ 6 เดือน ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มให้อาหารเสริมแก่ลูกน้อยค่ะ การให้อาหารเสริมจะช่วยให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่หลากหลายมากขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับการกินอาหารแข็งในอนาคต ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเด็กแนะนำให้เริ่มจากอาหารที่มีเนื้อสัมผัสละเอียด เช่น ข้าวบด กล้วยบด มะละกอบด ฟักทองบด อะโวคาโดบด ไข่แดงสุกบด หรือเนื้อสัตว์บดละเอียด เพื่อให้ลูกน้อยคุ้นเคยกับรสชาติและเนื้อสัมผัสของอาหาร โดยคุณแม่ควรเริ่มป้อนทีละน้อย ๆ และสังเกตอาการแพ้ของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ควรให้ลูกน้อยดื่มนมแม่อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการกินอาหารเสริม เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน โดยการเริ่มต้นอาหารเสริมอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรงและมีสุขภาพดีค่ะ
**Note: ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม หรือเผ็ด อาหารที่มีก้างอาจทำให้ลูกน้อยสำลักได้ และอาหารที่แข็งเกินไปเพราะลูกน้อยยังไม่สามารถเคี้ยวได้ รวมไปถึง ‘น้ำผึ้ง’ ที่อาจทำให้เกิดโรคบอทูลิซึม (Botulism) ในทารก หรือโรคที่เกิดจากอาหารปนเปื้อนแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งสร้างสารพิษทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิต และ ‘ถั่ว’ ที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
การเติบโตของลูกน้อยวัย 6 เดือน ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอย่างมากเลยใช่ไหมคะ เพราะลูกจะเริ่มมีพัฒนาการใหม่ ๆ ทั้งด้านร่างกายและอารมณ์ เราทำตารางเช็กลิสต์ง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจมากขึ้น
พัฒนาการ | สิ่งที่ลูกน้อย 6 เดือนควรทำได้ | เคล็ดลับสำหรับพ่อแม่ |
อารมณ์และสังคม |
|
|
ภาษาและการสื่อสาร |
|
|
สมองและสติปัญญา |
|
|
การเคลื่อนไหวและร่างกาย |
|
|
อาหารและโภชนาการ |
|
|
ข้อควรสังเกต: พัฒนาการทารกวัย 6 เดือน
หากลูกน้อยวัย 6 เดือนของคุณแม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ที่แตกต่างจากเด็กทารกในวัยเดียวกัน แนะนำให้ปรึกษากุมารแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติแต่เนิ่น ๆ จะได้ดูแลและเสริมพัฒนาการได้อย่างเหมาะสม ดังนี้
ไม่แสดงความรู้สึกผูกพันกับพ่อแม่และผู้ดูแล
ลูกไม่หัวเราะ หรือไม่ตอบสนองต่อเสียงที่อยู่ใกล้ ๆ
แสดงอาการหยิบของเข้าปากได้ยากลำบาก
ส่งเสียงสระต่าง ๆ ไม่ได้ เช่น อาอา ปาปา มามา
กล้ามเนื้อของลูกมีความนุ่มนิ่ม หรือตัวแข็งจนเกินไป
ลูกไม่สามารถพลิกตัวได้
ไม่พยายามคว้าสิ่งของที่อยู่ใกล้ ๆ
สรุปพัฒนาการทารกวัย 6 เดือน
เมื่อเด็กทารกมีอายุ 6 เดือน พัฒนาการด้านต่าง ๆ ก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น เด็กอาจลุกขึ้นนั่งเองได้ ตอบสนองต่อเสียงเรียก อาจเข้าใจคุ้นเคยกับชื่อตนเองเมื่อถูกเรียกได้ เริ่มกินอาหารอย่างอื่นนอกจากนมได้ หรือเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับคนใกล้ตัวและของเล่นชิ้นโปรด สำหรับพัฒนาการด้านอื่น ๆ เช่น ลูกกำลังเรียนรู้ในการหยิบจับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว สิ่งที่คุณแม่ต้องระวัง คือการที่ลูกรักอาจหยิบจับสิ่งของเข้าปาก ทำให้เกิดการสำลักและเป็นอันตรายได้ค่ะ
ที่สำคัญคุณแม่ควรดูแลรักษาความสะอาดและสุขอนามัยที่ดีของลูกน้อยด้วยนะคะ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำ ครีมอาบน้ำที่มีสูตรไฮโป-อัลเลอร์เจนิก ช่วยทำความสะอาดผิวบอบบางของลูกน้อยอย่างอ่อนโยน ใช้คู่กับ แป้งเด็กแคร์ คลาสสิค ทัลคัม ช่วยลดผื่นคัน อับชื้น ผื่นผ้าอ้อม และช่วยให้ลูกรู้สึกแห้งสบายตัวตลอดวัน พร้อมกลิ่นหอมที่เสริมสร้างพัฒนาของการลูกน้อย แค่มีคู่นี้ก็ช่วยให้คุณแม่ดูแลสุขอนามัยของลูกน้อยได้อย่างเหมาะสมแล้วค่ะ