ลูกน้อยกำลังก้าวเดินครั้งแรกโดยมีพ่อแม่ช่วยจับมือและให้กำลังใจ

พัฒนาการสำคัญที่พ่อแม่ควรรู้ เมื่อลูกน้อยอายุครบ 1 ปี

ลูกน้อยก้าวเข้าสู่ขวบปีแรกของชีวิตแล้ว หรือที่เรียกกันว่า “วัยเตาะแตะ” (เด็กอายุ 1-3 ปี) คุณพ่อคุณแม่หลายคนก็อาจจะมองหาเคล็ดลับในการส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยแล้วใช่ไหมคะ บางคนอาจพาลูกน้อยไปเข้าเนอสเซอรี (Nursery) หรือเดย์แคร์ (Daycare) เพื่อพัฒนาทักษะเด็กก่อนวัยเรียนและเรียนรู้ที่จะเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ วัยเดียวกัน ถึงอย่างนั้น หลายคนก็กังวลใจเรื่องพัฒนาการของลูกน้อยเสียไม่ได้ แคร์ ชวนคุณมาเช็คพัฒนาการเด็กวัย 1 ปี ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และทักษะการเรียนรู้ต่าง ๆ พร้อมเคล็ดลับเสริมพัฒนาการรอบด้านให้ลูกน้อยเติบโตสมวัยอย่างมีความสุขค่ะ

เช็คพัฒนาการสำคัญของลูกน้อยวัย 1 ปี: ลูกฉันทำอะไรได้บ้างนะ?

เมื่อลูกน้อยอายุครบ 1 ปี พัฒนาการของเขาจะก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัดเจนค่ะ ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม ภาษา และทักษะการเรียนรู้ต่าง ๆ เรามาติดตามพัฒนาการสำคัญของลูกน้อยกันค่ะว่า เจ้าตัวน้อยมีการเปลี่ยนแปลงด้านใดกันบ้าง

  • พัฒนาการด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Motor Development)

ส่วนใหญ่แล้วเด็กวัย 1 ปีจะเริ่มยืนและเดินได้ด้วยตัวเองแล้ว แม้เจ้าตัวน้อยจะยังเดินไม่คล่องแคล่ว แต่เขาก็พยายามก้าวเดินอย่างมั่นคง รวมถึงนั่งเองได้โดยไม่ต้องช่วยเหลือ ยันตัวให้ลุกขึ้นยืนด้วยการเกาะโต๊ะ เก้าอี้ หรือเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ (อย่าลืมติดเทปกาวป้องกันขอบโต๊ะด้วยนะคะ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าตัวน้อย) นอกจากนี้ ลูกยังสามารถหยิบจับสิ่งของได้แม่นยำขึ้น ใช้มือทั้งสองข้างได้ดีขึ้น เช่น จับช้อนตักอาหาร หรือหยิบของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว เรียกว่าเป็นวัยกำลังซุกซน จนคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูแลและระมัดระวังมากเป็นพิเศษค่ะ

  • พัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสาร (Language Development)

พัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสารของลูกน้อยวัย 1 ปี เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก ๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ ลูกน้อยจะเริ่มเข้าใจและใช้ภาษาในการสื่อสารกับผู้อื่นได้ดีขึ้น เริ่มเปลี่ยนจากการส่งเสียงอ้อแอ้มาเป็นพูดคำง่าย ๆ อย่าง “แม่” “พ่อ” “เที่ยว” แล้วยังสามารถส่งเสียงหรือท่าทางต่าง ๆ เพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกและความต้องการของตัวเองได้แล้ว อย่างพยักหน้า ส่ายหน้า หรือยิ้มเพื่อแสดงความพอใจ แล้วลูกยังสามารถเข้าใจคำพูดที่ได้ยินบ่อย ๆ และทำตามคำสั่งสั้น ๆ ได้แล้ว เช่น “หยิบของให้แม่หน่อยลูก” “เดินมาหาแม่สิจ้ะ” ที่สำคัญลูกจะชอบฟังนิทานหรือหนังสือเสียง เพื่อเรียนรู้และเสริมสร้างจินตนาการของลูกได้อย่างดี ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรระวังคำพูดที่ใช้ในการสื่อสารกับเจ้าตัวน้อย หรือแม้แต่คำพูดระหว่างผู้ใหญ่ก็ตาม เพราะลูกกำลังเรียนรู้ จดจำ และเลียนแบบพฤติกรรมของคุณอยู่นั่นเองค่ะ

  • พัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม (Emotional & Social Development)

ลูกน้อยจะเริ่มแสดงอารมณ์ที่ซับซ้อนได้แล้วค่ะ เช่น โกรธ หงุดหงิด กลัว เสียใจ อิจฉา หรือหวง ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ ลูกจะเริ่มรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่นและแสดงความเห็นอกเห็นใจได้แล้ว รวมถึงพยายามเลียนแบบพฤติกรรมของคนรอบตัวด้วยค่ะ ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังรู้สึกกลัวคนแปลกหน้า สัตว์ หรือเสียงดังอยู่ดี แต่อีกใจก็อยากจะเล่นกับคนอื่น ๆ ดังนั้น การเล่นของลูกเลยเป็นการเล่นอยู่ใกล้ ๆ ไม่ได้เล่นด้วยกัน (ให้เวลาลูกปรับตัวเข้าสังคมสักนิดค่ะ) โดยคุณพ่อคุณแม่ควรจะคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ เพื่อให้ลูกรู้สึกมั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้น ที่สำคัญลูกน้อยจะเริ่มแสดงความเป็นตัวของตัวเอง อาจมีพฤติกรรมที่แสดงถึงความดื้อรั้นหรือต่อต้าน เพราะการต่อต้านเป็นวิธีที่เด็กใช้ในการทดสอบขอบเขตของตัวเอง และเรียนรู้ที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ควรรับมือด้วยความเข้าใจว่า การต่อต้านเป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการนั่นเองค่ะ

  • พัฒนาการด้านสมองและสติปัญญา (Cognitive Development)

คุณแม่จะเริ่มเห็นพัฒนาการด้านสมองและสติปัญญาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เด็ก 1 ปี เริ่มเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ควบคู่กับการพัฒนาทักษะในการคิดและการแก้ปัญหา นอกจากนี้ ลูกน้อยยังเริ่มสนุกกับการสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เรียนรู้ผ่านการเล่นสนุก และการเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่ เช่น เล่นคุยโทรศัพท์กับคุณพ่อคุณแม่ เล่นเปิด-ปิดฝาขวดน้ำ โยนของ หรือบอกสิ่งที่ต้องการพร้อมกับชี้นิ้วไปที่สิ่งนั้น คุณแม่ควรสังเกตพัฒนาการของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด และกล่าวชื่นชมเมื่อลูกทำสิ่งใหม่ได้สำเร็จ การให้ลูกได้ลองทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเอง

เคล็ดลับกระตุ้นพัฒนาการเด็กวัย 1 ปี

แน่นอนว่า คุณแม่ทุกคนอยากให้ลูกฉลาดและมีพัฒนาการที่ดี เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านภาษาและทักษะด้านการเรียนรู้ของลูกน้อยมาฝากค่ะ

  • พูดคุยกับลูกบ่อยๆ: การพูดคุยกับลูกตั้งแต่เล็ก ๆ จะช่วยให้ลูกคุ้นเคยกับภาษาและเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว คุณแม่อาจจะเล่านิทาน ร้องเพลง หรือพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวลูกก็ได้ค่ะ

  • อ่านหนังสือให้ลูกฟัง: การอ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นประจำจะช่วยกระตุ้นจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของลูกน้อย แล้วยังช่วยให้ลูกเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ และเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

  • เล่นเกมกับลูก: การเล่นเกมกับลูกจะช่วยเสริมสร้างทักษะการแก้ปัญหา การคิดวิเคราะห์ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น คุณแม่อาจจะเล่นเกมต่อบล็อก เล่นซ่อนหา หรือเล่นบทบาทสมมติก็ได้ค่ะ

  • ให้ลูกได้สำรวจสิ่งรอบตัว: การให้ลูกได้สำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างอิสระ โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด จะช่วยกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและส่งเสริมการเรียนรู้ของลูกได้อย่างดี คุณอาจพาลูกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ ไปเที่ยวคาเฟ่เด็ก ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ไปเที่ยวสวนสัตว์ หรือไปสถานที่ต่าง ๆ ที่เหมาะสำหรับเด็ก

ที่สำคัญคุณแม่ควรสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองในระหว่างการทำกิจกรรมต่าง ๆ กับลูกน้อย อย่างการพูดคุยด้วยน้ำเสียงสดใสและอ่อนโยน กอดและหอมลูกบ่อย ๆ หรือปรบมือให้กำลังใจ เพื่อให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและกล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วยความมั่นใจมากขึ้น

“ลูกไม่กินข้าว ทำอย่างไรดี” วิธีรับมือกับปัญหาการกินของลูกน้อยวัย 1 ปี

การกินเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในเด็กวัย 1 ปี ลูกน้อยของคุณแม่อาจจะเลือกกิน ไม่ยอมกินผัก หรือกินน้อยเกินไป ซึ่งทำให้คุณแม่หลายคนกังวลใจ เรามีวิธีรับมือกับปัญหาการกินของลูกน้อยมาฝากค่ะ

  • จัดอาหารให้หลากหลาย: พยายามจัดเมนูอาหารให้ลูกน้อยมีสารอาหารครบถ้วน ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุ คุณแม่อาจจะลองทำอาหารที่มีสีสันสวยงาม หรือตกแต่งจานอาหารให้น่าสนใจ เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกน้อย

  • ให้ลูกมีส่วนร่วมในการเตรียมอาหาร: การให้ลูกมีส่วนร่วมในการเตรียมอาหารจะช่วยให้ลูกรู้สึกสนุก และอยากลองกินอาหารมากขึ้น คุณแม่อาจจะให้ลูกช่วยล้างผัก ผลไม้ หรือคลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ ด้วยตัวเอง

  • สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย: สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสนุกสนานในระหว่างมื้ออาหาร ไม่ควรบังคับหรือดุด้วยอารมณ์หงุดหงิด เพราะลูกน้อยรับรู้ความรู้สึกไม่พอใจของคุณได้และอาจทำให้เขารู้สึกกลัวหรือเสียใจ หากลูกไม่ยอมกินข้าวแนะนำให้ลองป้อนอาหารที่ลูกชอบแทนค่ะ

  • ให้ลูกกินอาหารเป็นเวลา: ควรกำหนดเวลาการกินอาหารให้เป็นเวลาวันละ 3 มื้อ และหลีกเลี่ยงการให้ลูกกินขนมหรือน้ำหวานระหว่างมื้ออาหาร หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน และเค็มจัด การกินอาหารเป็นเวลาจะช่วยให้ลูกรู้สึกหิวและอยากกินอาหารมากขึ้น

  • ส่งเสริมสุขนิสัยที่ดี: ฝึกให้เด็กแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และหากิจกรรมสนุก ๆ ระหว่างอาบน้ำ ที่สำคัญควรเลือกผลิตภัณฑ์และครีมอาบน้ำสำหรับเด็กโดยเฉพาะ (ไม่ควรใช้ครีมอาบน้ำผู้ใหญ่กับผิวบอบบางของลูกเป็นอันขาดค่ะ) และควรฝึกให้ลูกเข้านอนเป็นเวลาหลังอาบน้ำค่ะ

💡TIP: เราแนะนำ ครีมอาบน้ำแคร์ โซเพียว ที่มีเทคโนโลยี DryLock มอบความรู้สึกแห้งสบายผิวอย่างเหนือชั้น ช่วยลดผดผื่นที่เกิดจากความเปียกชื้น พร้อมกลิ่นหอมอ่อนโยนจากธรรมชาติ ช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวตลอดวัน

 

** Note: คุณแม่ต้องใจเย็นและอดทนกับลูกน้อย อย่าท้อหากลูกไม่ยอมกินอาหารเมนูใหม่ ๆ ลองทำตามเคล็ดลับเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ แล้วลูกน้อยจะค่อย ๆ ปรับตัวและกินอาหารได้ดีขึ้นค่ะ

“ลูกติดแม่มาก ทำอย่างไรดี” วิธีสร้างความมั่นใจให้ลูกน้อย

เมื่อลูกน้อยเริ่มโตขึ้น การสร้างความมั่นใจและส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคมเป็นสิ่งสำคัญค่ะ ลูกน้อยที่มั่นใจในตัวเองและเข้าสังคมได้ดี จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ เรามีเคล็ดลับสร้างความมั่นใจให้กับลูกน้อยมาฝากค่ะ

  • ให้ลูกเล่นกับเพื่อน: การให้ลูกเล่นกับเพื่อน ๆ จะช่วยให้ลูกเรียนรู้การเข้าสังคม การแบ่งปัน การรอคอย และการแก้ปัญหา คุณแม่อาจพาลูกไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ไปเข้ากลุ่มเด็กเล็ก หรือจัดกิจกรรมให้ลูกได้เล่นกับเพื่อน ๆ ที่บ้าน

  • ให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย: การให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย จะช่วยให้ลูกค้นพบความสามารถ ทักษะใหม่ ๆ และความสนใจของตัวเอง คุณแม่อาจจะพาลูกไปเรียนดนตรี เรียนศิลปะ หรือเรียนว่ายน้ำก็ได้ค่ะ

  • ให้กำลังใจและชื่นชมลูก: การให้กำลังใจและชื่นชมลูกเมื่อลูกทำสิ่งต่าง ๆ ได้สำเร็จ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเอง คุณแม่ควรชื่นชมลูกอย่างจริงใจ และให้กำลังใจลูกเมื่อลูกทำผิดพลาด

  • เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก: ลูกน้อยเรียนรู้จากพ่อแม่และคนรอบข้าง รวมถึงเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่ ดังนั้น คุณแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ทั้งในด้านการพูด การกระทำ และการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

การเลี้ยงลูกต้องอาศัยเวลาและความอดทน คุณแม่ควรให้ความรัก ความเอาใจใส่ และความเข้าใจลูกน้อยอย่างเต็มที่ แล้วลูกน้อยจะเติบโตเป็นเด็กที่มีความสุขและมีพัฒนาการที่ดีสมวัย หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณพ่อคุณแม่นะคะ แคร์ ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกท่านเลี้ยงลูกน้อยวัย 1 ปีให้เติบโตอย่างมีความสุขด้วยความรักความเข้าใจ


า 3 เดือน เนื่องจากร่างกายของลูกน้อยยังไม่สามารถกำจัดคาเฟอีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความที่น่าสนใจ เพื่อการดูแลผิวลูกน้อย