ลูกชายและแม่ที่กำลังเปิดอ่านนิทานก่อนนอนบนเตียงในห้องนอน

10 สุดยอดนิทานก่อนนอน เสริมจินตนาการให้เจ้าตัวน้อยหลับฝันดี

แม้จะเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน แต่พอเห็นหน้าเทวดาตัวน้อยที่บ้านความเหนื่อยล้าก็หายเป็นปลิดทิ้ง และหนึ่งในกิจกรรมสุดโปรดก่อนนอนสำหรับครอบครัว คือการอ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง นอกจากจะช่วยกล่อมให้ลูกหลับฝันดี แล้วยังเป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ใช้เวลากับลูกอย่างเต็มที่ แคร์แบ่งปันไอเดีย 10 นิทานสั้นๆ พร้อมข้อคิด ที่คัดสรรมาแล้วว่าสนุก อ่านง่าย ได้คติสอนใจดีๆ และช่วยเสริมสร้างจินตนาการให้กับเจ้าตัวน้อยอีกด้วย

อ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง เรื่องไหนดีนะ?

การเลือกนิทานก่อนนอนให้เหมาะกับวัยของลูกน้อยถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการเล่านิทานให้ลูกฟังจะช่วยเพิ่มความรักความผูกพันและเป็นช่วงเวลาอบอุ่นระหว่างครอบครัว ทั้งยังปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน เรียนรู้ด้านภาษา เพิ่มสมาธิ และเสริมสร้างจินตนาการให้ลูกน้อย 

  • นิทานสำหรับเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ แนะนำให้เลือกนิทานภาพ หนังสือผ้า หรือหนังสือที่มีเสียงประกอบ เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกน้อย เนื้อเรื่องควรจะสั้น กระชับ เข้าใจง่าย เน้นภาพประกอบน่ารักๆ สีสันสดใส และใช้ภาษาซ้ำๆ กัน เพื่อให้ลูกน้อยจดจำได้ง่ายนั่นเองค่ะ

  • นิทานสำหรับเด็กอายุประมาณ 3-6 ขวบ คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกนิทานที่มีเนื้อเรื่องซับซ้อนขึ้นได้ เน้นเรื่องราวที่สนุกสนาน ตื่นเต้น ชวนติดตาม มีตัวละครที่หลากหลาย และแฝงข้อคิดดีๆ ที่สอนให้ลูกรู้จักคุณธรรม จริยธรรม และการใช้ชีวิตในสังคม จะเห็นว่าการเลือกนิทานก่อนนอนก็มีส่วนช่วยเสริมสร้างจินตนาการและพัฒนาการของลูกน้อยได้เช่นกัน 

พอจะมองเห็นไอเดียคร่าวๆ ในการเลือกนิทานก่อนนอนให้เหมาะกับช่วงวัยของลูกน้อยแล้วใช่ไหมคะ? ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่า 10 สุดยอดนิทานก่อนอนเรื่องไหน เหมาะกับเจ้าตัวน้อยของคุณพ่อคุณแม่กันบ้าง

นิทานก่อนนอนเรื่องที่ 1: ลูกเป็ดขี้เหร่

ลูกเป็ดขี่เหร่ (The Ugly Duckling) สุดยอดนิทานคลาสสิคผลงานของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน (Hans Christian Andersen) บอกเล่าเรื่องราวของลูกเป็ดตัวน้อยที่เกิดมามีขนสีเทาหม่นแตกต่างจากพี่ๆ น้องๆ ในฝูงที่มีสีเหลืองสดใสน่าเอ็นดู มันจึงไม่เป็นที่รักของแม่และพี่ๆ น้องๆ จนได้ฉายาว่า “เจ้าลูกเป็ดขี้เหร่” ซ้ำร้ายมันยังถูกขับออกจากฝูงและต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวเพียงลำพัง ท่ามกลางความหนาวเหน็บและความหิวโหย แต่มันก็ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด แต่แล้ววันหนึ่ง ลูกเป็ดขี้เหร่ก็ได้พบกับฝูงหงส์สีขาวที่สง่างามและฝันอยากเป็นเหมือนหงส์บ้าง มันเฝ้าติดตามฝูงหงส์ขาวที่สวยงามไปเรื่อยๆ ก่อนที่มันจะค้นพบว่าแท้จริงแล้ว มันคือหงส์ขาวที่สง่างามและทำให้มันมีความสุขกับการได้อยู่ร่วมกับฝูงหงส์ที่ที่มันควรค่าตลอดไป 

** นิทานเรื่องนี้สอนให้เด็กๆ รู้จักคุณค่าของตัวเอง กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ วันหนึ่งเราจะค้นพบที่ที่เหมาะสมกับเรา และเป็นที่ที่เราจะได้แสดงความสามารถในแบบของเราเอง

นิทานก่อนนอนเรื่องที่ 2: สิงโตใจดีกับหนูตัวน้อย

นิทานคลาสสิคของอีสป (Aesop) นักปรัชญาและนักเล่านิทานระดับตำนานของโลก เล่าเรื่องราวของสิงโตตัวหนึ่งที่ตื่นขึ้นเพราะเสียงรบกวนของเจ้าหนูตัวน้อย แต่มันเลือกที่จะไว้ชีวิตเพราะเจ้าหนูน้อยบอกกับสิงโตว่า “อย่ากินข้าเลย วันหน้าข้าจะกลับมาตอบแทนบุญคุณท่าน” สิงโตจึงปล่อยเจ้าหนูไป อยู่มาวันหนึ่งสิงโตพลาดติดกับดักของนายพราน เจ้าหนูตัวนั้นได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากสิงโตจึงรีบมาช่วยกัดเชือกที่มัดไว้จนขาด สิงโตจึงรอดพ้นจากการถูกจับในที่สุด 

** นิทานเรื่องนี้สอนให้เด็กๆ รู้จักการให้อภัย มีน้ำใจ และเมตตาผู้อื่น โดยไม่ด้อยค่าว่าเขาจะเป็นผู้น้อยกว่า หรือมั่งมีไม่เท่าเราก็ตาม เพราะวันหนึ่งเขาอาจจะตอบแทนน้ำใจของเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเช่นกัน

นิทานก่อนนอนเรื่องที่ 3: เจ้าหญิงผู้กล้าหาญกับมังกรไฟ

ลืมภาพเจ้าหญิงน้อยแสนบอบบางที่รอเจ้าชายมาช่วยไปได้เลย เพราะนิทานเรื่องนี้จะพาเด็กๆ ไปพบกับเจ้าหญิงผู้กล้าหาญที่ออกเดินทางไปผจญภัยในโลกกว้าง เพื่อปราบมังกรไฟที่คอยมาอาละวาดเผาหมู่บ้านและปกป้องประชาชนของเธอ เจ้าหญิงจึงฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และเรียนรู้วิธีปราบมังกรจากอัศวินที่คอยปกป้องเจ้าหญิงมาโดยตลอด ก่อนที่วันหนึ่งเธอจะออกเดินทางไปยังถ้ำของมังกรไฟ และใช้ความกล้าหาญบวกกับสติปัญญาในการปราบเจ้ามังกรไฟได้สำเร็จ ในท้ายที่สุดเจ้ามังกรไฟจึงยอมกลับใจและกลายเป็นผู้ปกป้องอาณาจักรเคียงข้างกับเจ้าหญิงอีกด้วย

** นิทานเรื่องนี้สอนให้เด็กๆ รู้จักการใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหา กล้าหาญ และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ทั้งยังสอนให้มองเห็นคุณค่าในทุกชีวิต แม้แต่สิ่งที่ดูน่ากลัวที่สุดก็ตามที ที่สำคัญเราต้องเผชิญหน้ากับความกลัวและกล้าที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อผู้อื่น 

นิทานก่อนนอนเรื่องที่ 4: หนูน้อยหมวกแดง

สุดยอดนิทานคลาสสิคผลงานของ ชาร์ล เปอโร (Charles Perrault) นักเขียนชื่อดังชาวฝรั่งเศสแห่งศตวรรษที่ 17 ผู้รวบรวมนิทานพื้นบ้านหลายเรื่องไว้ในหนังสือชื่อ “Tale and Stories of the Past with Morals” เรื่องราวของหนูน้อยหมวกแดงผู้น่ารัก กตัญญู และเชื่อฟังคำสั่งสอนของคุณแม่ เธอได้นำกระเช้าใส่ขนมไปให้คุณยายที่อาศัยอยู่ในบ้านกลางป่า ระหว่างทางหนูน้อยได้พบกับหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ที่หลอกถามทางหนูน้อย จนได้ความว่าเธอกำลังจะไปบ้านของคุณยาย หมาป่าจึงล่วงหน้าไปที่บ้านของคูณยายและกลืนคุณยายลงท้อง ก่อนจะสวมรอยเป็นคุณยายและนอนป่วยอยู่บนเตียง เมื่อหนูน้อยหลงเชื่อมันก็กลืนเธอลงไปในท้องด้วย ก่อนที่นายพรานจะช่วยชีวิตของหนูน้อยหมวกแดงและคุณยายออกมาจากท้องของหมาป่าได้สำเร็จ

** นิทานเรื่องนี้สอนให้เด็กๆ รู้จักระวังภัย ไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า แม้พวกเขาจะแสร้งทำเป็นมิตร แล้วยังสอนให้เชื่อฟังคำสอนของพ่อและแม่ เพราะครอบครัวคือคนที่รักและห่วงใยเรามากที่สุด 

นิทานก่อนนอนเรื่องที่ 5: เสื้อคลุมใหม่ของพระราชา

อีกหนึ่งนิทานคลาสสิคผลงานของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน (Hans Christian Andersen) เรื่องราวของพระราชาผู้หลงใหลในแฟชั่นและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่มีเสื้อผ้าอาภรณ์สวยงามที่สุดในอาณาจักร แต่พระองค์กลับไม่เคยพอใจในชุดที่มีเลย วันหนึ่งพระองค์ได้ยินข่าวลือเรื่องช่างตัดเสื้อที่มีชื่อเสียงที่สุดในอาณาจักร ผู้สามารถตัดเย็บชุดที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร พระองค์จึงเรียกช่างตัดเสื้อมาออกแบบชุดใหม่ที่สวยงามที่สุดในโลก ช่างตัดเสื้อจึงออกแบบชุดที่สวยงามและมหัศจรรย์ที่สุดในโลกให้กับพระองค์ แต่มีข้อแม้ว่าผู้ที่จะสามารถมองเห็นชุดนี้ได้ต้องมีจิตใจบริสุทธิ์เท่านั้น เมื่อพระองค์ปรากฎตัวท่ามกลางชาวเมืองทั่วทั้งอาณาจักร ทุกคนต่างก็ตกตะลึงถึงขั้นพูดไม่ออกจึงทำให้พระองค์ทรงรู้สึกพอพระทัยเป็นอย่างมาก แต่แล้วเด็กน้อยคนหนึ่งก็ร้องตะโกนขึ้นมาว่า “พระราชาแก้ผ้าๆ” ทำให้พระองค์รู้ตัวว่าโดนช่างตัดเสื้อหลอกเข้าให้แล้วและรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก บทเรียนในครั้งนี้สอนให้พระราชาให้ความสำคัญกับคุณค่าภายในมากกว่าความสวยงามภายนอก และอย่าหลงเชื่อคำลวงของคนไม่จริงใจ

** นิทานเรื่องนี้สอนให้เด็กๆ รู้ว่า ความจริงใจและการยอมรับตัวตนของเรา เพราะความงามที่แท้จริงเกิดจากความซื่อสัตย์และความเป็นตัวของตัวเอง

นิทานก่อนนอนเรื่องที่ 6: การผจญภัยของคินทาโร่

นิทานพื้นบ้านของชาวญี่ปุ่น ที่เล่าเรื่องราวของ “คินทาโร่” เจ้าหนูจอมพลัง เขาเป็นเด็กกำพร้าพ่อที่อาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพังในบ้านเล็กๆ บนภูเขา คินทาโร่เป็นเด็กที่แข็งแรงอย่างน่าอัศจรรย์ เขามักจะถือขวานและสวมเอี๊ยมสีแดงที่มีอักษรคันจิเขียนว่า “Kin” (แปลว่า ทอง) และมีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ คินทาโร่ชื่นชอบการผจญภัยและมีเพื่อนเป็นเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ในป่า เขายังชอบเล่นปราบปีศาจและเล่นซูโม่กับเจ้าหมีเพื่อนรัก รวมถึงชอบขี่หลังหมีท่องเที่ยวไปในป่าอีกด้วย วันหนึ่งซามูไรได้เดินทางมากลางป่าและพบกันคินทาโร่ผู้ไม่เกรงกลัวสิ่งใด เขาจึงขอรับหนูคินทาโร่ไปเลี้ยงดูและฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แบบซามูไร คินทาโร่เติบโตเป็นซามูไรผู้กล้าหาญของโชกุนมินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะ ก่อนจะกลับมารับแม่ไปอยู่ด้วยกันอย่างสุขสบายในบั้นปลายของชีวิต

** นิทานเรื่องนี้สอนให้เด็กๆ รู้จักความกล้าหาญ ความเข้มแข็งของจิตใจ ความเมตตาต่อสรรพสัตว์ เป็นตัวของตัวเองและกล้าแสดงออก เพื่อให้ผู้อื่นมองเห็นพรสวรรค์ของเราในที่สุด

นิทานก่อนนอนเรื่องที่ 7: ลูกหมูสามตัว

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีลูกหมู 3 ตัวอาศัยอยู่กับแม่ของพวกมัน วันหนึ่งแม่ได้บอกให้ลูกหมูย้ายออกไปสร้างบ้านเพราะพวกมันโตพอที่จะมีชีวิตของตัวเองได้แล้ว ก่อนไปแม่ได้บอกกับลูกหมูว่า “ลูก ๆ จงไปสร้างบ้านของตัวเอง แต่จงจำไว้ว่าต้องสร้างบ้านที่แข็งแรงทนทานเพื่อป้องกันสัตว์ร้ายนะลูก" ลูกหมูตัวโตคิดว่ามันฉลาดที่สุดจึงสร้างบ้านด้วยฟางที่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เสร็จ ลูกหมูตัวที่สองเป็นจอมขี้เกียจจึงสร้างบ้านด้วยกิ่งไม้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จและนอนหลับอย่างสบายใจ ส่วนลูกหมูตัวที่ 3 ขยันขันแข็งและเฉลียวฉลาด มันจึงสร้างบ้านด้วยก้อนอิฐและหินที่มีความแข็งแรงทนทาน ทั้งลมและฝนไม่สามารถทำอะไรบ้านของลูกหมูตัวที่ 3 ได้ จนพี่ๆ ของมันต้องมาอาศัยอยู่ด้วย วันหนึ่งหมาป่าพยายามจะกินลูกหมูทั้ง 3 ตัว พวกมันจึงร่วมมือกันหลอกล่อหมาป่าให้ตกลงไปในปล่องไฟนขนไหม้เกรียม ทำให้พวกลูกหมูปลอดภัยและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

** นิทานเรื่องนี้สอนให้เด็กๆ รู้จักความสามัคคีในครอบครัว ความขยันขันแข็ง ความมีสติปัญญาและความรอบคอบ รวมถึงการสร้างบ้านที่แข็งแรงทนทานจะช่วยปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัย

นิทานก่อนนอนเรื่องที่ 8: ห่านกับไข่ทองคำ

อีกหนึ่งนิทานอีสป (Aesop) สุดคลาสสิค ที่เล่าเรื่องราวของชาวนาและภรรยาที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบในบ้านหลักเล็กๆ  อยู่มาวันหนึ่งภรรยาได้เข้าไปเก็บไข่ในเล้าห่านตามปกติและพบกับไข่ทองคำ ทั้งสองตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมากจึงนำไข่ทองคำไปขายในตลาดและได้เงินกลับมาเป็นจำนวนมาก ทุกๆ เช้าห่านจะไข่ทองคำออกมาวันละหนึ่งฟอง ซึ่งสองสามีภรรยาก็นำไปขายจนร่ำรวยมีกินมีใช้อย่างสุขสบาย แต่ด้วยความโลภทั้งคู่อยากได้ไข่ทองคำมากกว่านั้น จึงตัดสินใจผ่าท้องห่านเพื่อหวังว่าจะมีไข่ทองคำเต็มท้อง สุดท้ายพวกเขาก็ไม่พบกับไข่ทองคำและสูญเสียทุกสิ่งไปเพราะความโลภนั่นเอง

** นิทานเรื่องนี้สอนให้เด็กๆ รู้ว่าความโลภเป็นสิ่งไม่ดี ควรพอใจกับสิ่งที่ตนมีอยู่ และเงินทองไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเสมอไป คนเราต้องตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน รู้จักอดทน และเคารพต่อธรรมชาติ 

นิทานก่อนนอนเรื่องที่ 9: โฉมงามกับเจ้าชายอสูร

นิทานพื้นบ้านเก่าแก่ของชาวยุโรปที่เล่าสืบต่อกันมา แต่เวอร์ชั่นที่โด่งดังที่สุดเป็นผลงานของ ฌานน์-มารี เลอปรินซ์ เดอ โบมงต์ (Jeanne-Marie Leprince de Beaumont) นักเขียนชาวฝรั่งเศส ผู้แต่งนิทาน "La Belle et la Bête" หรือ “Beauty and The Beast” ว่าด้วยเรื่องราวของพ่อค้าคนหนึ่งได้ทำสัญญากับอสูรร้ายกลางป่าเพื่อให้เขารอดชีวิตกลับมา พ่อค้าได้ตกลงจะยกลูกสาวแสนสวยเป็นเจ้าสาวของอสูร แม้จะทำใจลำบากแต่สุดท้ายลูกสาวชื่อ “เบลล์” ก็ตัดสินใจไปเป็นเจ้าสาวของอสูรเพื่อรักษาคำมั่นสัญญาและเพื่อรักษาชีวิตของผู้เป็นพ่อ เบลล์จึงไปใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์กลางป่า เธอพบว่าภายใต้ใบหน้าที่ดูน่ากลัวแท้จริงแล้วอสูรกลับมีจิตใจที่งดงามและอ่อนโยนมาก เธอจึงถอนคำสาปของแม่มดร้ายด้วย “รักแท้” ทำให้อสูรคืนร่างเป็นเจ้าชายรูปงามและครองรักกันตลอดไป

** นิทานเรื่องนี้สอนให้เด็กๆ อย่ามองคนแค่ภายนอก เพราะความงามที่แท้จริงอยู่ภายในจิตใจของผู้คน และความรักสามารถเอาชนะได้ทุกสิ่ง 

นิทานก่อนนอนเรื่องที่ 10: เจ้าชายน้อย

The Little Prince หรือเจ้าชายน้อย เป็นนิทานที่เขียนโดยอองตน เดอ แซงเต็กซูเปรีย์ (Antoine de Saint-Exupéry) ที่เต็มไปด้วยความรัก ความฝัน และการค้นหาความหมายของชีวิต ผ่านมุมมองของเด็กน้อยที่มีจิตใจบริสุทธิ์ เจ้าชายน้อยมาจากดาวเคราะห์เล็กๆ ที่ชื่อว่า B612 เขาอาศัอยู่กับดอกกุหลาบที่เขารัก แต่กลับไม่เข้าใจดอกกุหลาบที่เรียกร้องการดูแลเอาใจใส่อย่างหนักจากเขา เจ้าชายน้อยจีงตัดสินใจออกเดินทางไปยังดาวเคราะห์ดวงต่างๆ เพื่อหวังว่าจะเข้าใจมันมากขึ้น เจ้าชายได้พบเจอกับพระราชาจอมเผด็จการ, นักดื่มเพื่อลืมความอับอายของตัวเอง, นักธุรกิจที่หมกมุ่นกับความมั่งคั่ง,นักถ คนจุดโคมไฟที่ทุ่มเทเวลาให้กับงานจนหลงลืมเวลาของตัวเอง และนักภูมิศาสตร์ที่มองเห็นคุณค่าของภูเขา ป่าไม้ และแม่น้ำ แต่มองข้ามสิ่งเล็กๆ อย่างความงามของดอกไม้ สุดท้ายเขาจึงเข้าใจว่า สิ่งที่กุหลาบต้องการมาตลอดไม่ใช่การปกป้องดูแล แต่เป็นความรักจากเจ้าชายน้อย ทว่าเขาก็รู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะกลับไปที่ดาวเคราะห์ B612 จึงนัดพบกับงูพิษและมันก็อาสาจะส่งเขากลับดาวด้วยพิษร้ายของมัน 

** นิทานเรื่องนี้สอนให้เด็กๆ มองเห็นคุณค่าของสิ่งสำคัญในชีวิต เข้าใจถึงมิตรภาพและความรักที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหมายมากขึ้น

จริงๆ แล้วยังมีนิทานก่อนนอนเรื่องเยี่ยมอีกมากมาย ที่คุณพ่อคุณแม่หยิบมาอ่านให้ลูกๆ ฟังได้อย่างเพลิดเพลินทุกคืน ทั้งยังช่วยเพิ่มความสัมพันธ์อันอบอุ่นและช่วยให้น้องๆ งดเล่นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ได้ด้วยนะคะ 

ก่อนเข้านอนอย่าลืมชวนลูกน้อยไปอาบน้ำด้วยครีมอาบน้ำแคร์และทาแป้งเด็กแคร์ ให้ลูกน้อยตัวหอมๆ จะได้นอนหลับฝันดีตลอดคืน ที่สำคัญควรเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสูตรอ่อนโยนจากแคร์ ที่คิดค้นและพัฒนาเพื่อผิวบอบบางของเด็กโดยเฉพาะ  

บทความที่น่าสนใจ เพื่อการดูแลผิวลูกน้อย