แพ้เหงื่อตัวเอง ผื่นคัน แก้ได้อย่างไร? อันตรายหรือไม่? พร้อมวิธีรักษา

5 วิธีฟื้นฟูผิวแตกลาย ให้ผิวกลับมาเนียนสวยทั่วเรือนร่าง

อย่าปล่อยให้ผิวแตกลาย ทำลายความมั่นใจของคุณอีกต่อไป เพราะรอยแตกลายเกิดขึ้นได้ทั้งกับคนอ้วน คนผอม วัยรุ่น และคุณแม่ตั้งท้อง สาว ๆ หลายคนจึงกังวลกับรอยแตกลายตามสะโพก หน้าท้อง น่อง หรือบั้นท้าย ที่ทำให้คุณไม่กล้าอวดหุ่นสวยให้ใครเห็น 

Care รวมวิธีฟื้นฟูดูแลผิวแตกลายแบบเร่งด่วน ให้ผิวสวยกลับมาเนียนใสทั่วเรือนร่าง เพื่อสร้างความมั่นใจในผิวพรรณของคุณอีกครั้ง

ปัญหา “ผิวแตกลาย” เกิดจากอะไร?

จริง ๆ แล้ว “ผิวแตกลาย” (Stretch Marks) คือรอยแผลเป็นชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการหดหรือยืดตัวอย่างรวดเร็วของผิวหนัง การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้คอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวแตกตัวอยู่ภายใน เมื่อผิวหนังสมานตัวกันแล้วจึงมีรอยแตกลายเป็นริ้ว ๆ อยู่ภายนอกทำให้ผิวไม่เรียบเนียน โดยรอยแตกลายอาจจะมีสีแดง ชมพู ม่วง น้ำตาล (ขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคน) ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นผิวนูนแดง คัน และเปลี่ยนเป็นรอยแตกลายสีขาวในที่สุด ผิวแตกลายมักจะเกิดบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่มาก เช่น หน้าท้อง หน้าอก ต้นแขน ต้นขา สะโพก ก้น น่อง ฯลฯ โดยสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ผิวแตกลายมาจากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้

  • การเปลี่ยนแปลงของรูปร่างและน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว เช่น น้ำหนักขึ้นหรือลดลงในเวลารวดเร็ว

  • การตั้งครรภ์ ที่ทำให้ผิวหนังขยายตัวตามอายุครรภ์ที่เพิ่มขึ้น

  • การออกกำลังกายแบบ Weight Training ที่ทำให้กล้ามเนื้อขยายขึ้น

  • ผิวแตกลายจากครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์

  • พันธุกรรมและยีนส์ของครอบครัว

  • อาการเจ็บป่วยด้วยโรคบางชนิด เช่น โรคคุชชิง (Cushing Syndrome) ความผิดปกติของฮอร์โมนที่ทำให้มีก้อนไขมันหลังคอและผิวหนังแห้งแตกง่าย และโรคมาร์แฟน (Marfan Syndrome) ความผิดปกติของพันธุกรรมที่ทำให้ร่างกายผอม แขนขายาว เท้าแบน ผิวหนังแตกลาย เป็นต้น

รอยแตกลายสีแดง VS รอยแตกลายสีขาว แตกต่างกันอย่างไร?

ใครที่มีผิวแตกลายก็อาจจะสังเกตเห็นความแตกต่างของ “รอยแตกลายสีแดง” และ “รอยแตกลายสีขาว” บริเวณหน้าท้อง หน้าอก น่อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา ฯลฯ ซึ่งเกิดจากระยะเวลาในการเกิดผิวแตกลายที่แตกต่างกัน นั่นคือ

  1. รอยแตกลายสีแดง: เป็นการแตกลายระยะแรก ๆ ที่ทำให้หลอดเลือดแดงใต้ผิวหนังขยายตัว ส่งผลให้ผิวแห้ง คัน และผิวนูนกว่าปกติ ผิวแตกลายระยะนี้สามารถรักษาได้ง่ายและรวดเร็วกว่า รวมถึงการดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ การออกกำลังกาย และทาครีมบำรุงผิวที่มีวิตามินอีและมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้น สามารถฟื้นฟูและลดเลือนผิวแตกลายได้อย่างดี 
  2. รอยแตกลายสีขาว: เป็นรอยแตกลายที่เกิดมานานจนหลอดเลือดค่อย ๆ เปลี่ยนจากรอยแตกลายสีแดงเป็นรอยแตกลายสีขาวนั่นเอง ระยะนี้จะมีร่องบุ๋มลึกลงไปในผิวหนังร่วมด้วย ผิวแตกลายระยะนี้รักษาค่อนข้างยากและใช้เวลานานกว่าผิวแตกลายสีแดง ทางที่ดีควรรีบดูแลผิวพรรณตั้งแต่รอยแตกลายสีแดงจะช่วยป้องกันการเกิดรอยแตกลายสีขาว ที่ทำลายความมั่นใจในระยะยาวได้เลย

5 วิธีฟื้นฟูผิวแตกลาย ให้ผิวกลับมาเนียนสวยทั่วเรือนร่าง

สาว ๆ คนไหนที่มีผิวแตกลายก็ยังเพิ่งกังวลใจไป เรามีวิธีกู้คืนผิวพังให้กลับมาปังอีกครั้งด้วย 5 เคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยให้ผิวกลับมาเนียนสวยทั่วเรือนร่าง นั่นคือ

  1. ทาครีมบำรุงผิวสูตรมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อครีม หรือบำรุงผิวด้วย Body Oil ที่มีความเข้มข้นสูงในตอนกลางคืน หากคุณนอนในห้องแอร์เป็นประจำ เพื่อฟื้นบำรุงรอยแตกลายได้อย่างดี เน้นที่มีส่วนผสมของเชียร์บัตเตอร์ อัลมอนด์ออยล์ โกโกบัตเตอร์ วิตามินอี บีแว็กซ์ และส่วนผสมจากธรรมชาติที่อ่อนโยนต่อผิว บรรเทาอาการผิวแห้งคัน และช่วยให้รอยแตกลายเลือนจางลง
  2. สครับผิวแตกลาย เพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพและกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่า แนะนำให้เลือกสครับที่มีส่วนผสมของธรรมชาติ ปราศจากน้ำหอม หรือสารก่อการระคายเคือง ควรขัดผิวสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แล้วเพิ่มการบำรุงด้วยมาส์กผิวกายเพิ่มความชุ่มชื่นหลังสครับ เพื่อช่วยให้ผิวเนียนสวยทั่วเรือนร่าง
  3. ทาครีมลดรอยแตกลาย โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งท้องที่ควรมีผลิตภัณฑ์ปกป้องและลดเลือนรอยแตกลายติดบ้านตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ แนะนำให้เลือกครีมลดรอยแตกลายที่มีส่วนผสมของธรรมชาติสูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอมและสารเคมีรุนแรงที่ทำให้ผิวไวต่อการระคายเคือง ซึ่งทำให้ผิวแห้งคันและทำร้ายผิวให้พังมากขึ้น ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมของสเตีรอยด์ ที่ทำให้ผิวแตกลายในระยะยาวและเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย
  4. ควบคุมน้ำหนักตัวให้คงที่ และดื่มน้ำเปล่าเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ข้อดีของการดื่มน้ำเปล่าวันละ 1-2.5 ลิตร นอกจากจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน และเปล่งปลั่ง แล้วยังช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่ายและระบบต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีวิตามิน A,C,D และ E ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และพยายามควบคุมน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วนเร็วหรือผอมเร็วจนเกินไป
  5. หัตถการและเลเซอร์ลดรอยแตกลาย อีกหนึ่งตัวช่วยที่แก้ปัญหาผิวแตกลายเฉพาะจุดได้อย่างรวดเร็วทันใจ คือการยิงเลเซอร์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว ให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับมากขึ้น เพียงแต่การทำเลเซอร์ต้องเข้ารับการรักษษหลายครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่พอใจ แต่สามารถรักษาได้ทั้งรอยแตกลายที่เพิ่งเป็นและรอยแตกลายที่เป็นมานานแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการใช้คลื่นวิทยุกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือการรักษาผิวแตกลายด้วยอัลตร้าซาวนด์ ขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่แพทย์ประจำสถาบันความงามเลือกใช้

ด้วยเคล็ดลับดี ๆ ที่เรานำมาฝากกันจะช่วยฟื้นฟูผิวแตกลายให้กลับมาผิวเนียนสวยได้อย่างดี พยายามอย่าเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป เพราะจะทำให้น้ำหนักตัวขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็วจนผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดรอยแตกลายได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญสาวๆ ควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หาเวลาไปออกกำลังกายเพื่อช่วยให้รูปร่างฟิตกระชับและปรับสมดุลการทำงานของร่างกาย เพียงเท่านี้ คุณก็ปกป้องผิวจากการเกิดรอยแตกลายได้อย่างดีแล้วล่ะ

คำถามที่พบบ่อย

1. ผิวแตกลายสีแดง และผิวแตกลายสีขาว ต่างกันอย่างไร?

ผิวแตกลายจะแบ่งเป็น 2 ระยะคือ ผิวแตกลายระยะแรกจะมีรอยแตกลายสีแดง คัน และผิวนูนกว่าปกติ ส่วนรอยแตกลายสีขาวเป็นรอยแตกลายที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ทำให้รักษายากกว่ารอยแตกลายสีแดง

2. ผิวแตกลายในวัยรุ่น รักษาอย่างไร?

ปัญหาผิวแตกลายในวัยรุ่นมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวที่รวดเร็ว ส่งผลให้ผิวแตกลายบริเวณหน้าท้อง หน้าอก สะโพก ต้นแขน ต้นขา และน่อง สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาในกลุ่มวิตามินเอ บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ดื่มน้ำให้มาก พยายามควบคุมน้ำหนักตัวให้คงที่ หรือการทำหัตถการและเลเซอร์เพื่อช่วยลดเลือนรอยแตกลายได้อย่างรวดเร็ว แต่ควรได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย และหลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมของสเตรีรอยด์

บทความที่น่าสนใจ เพื่อการดูแลผิวลูกน้อย