4 เคล็ดลับพาลูกวัยเตาะแตะเข้านอน หลับยาวเสริมพัฒนาการเด็ก
เด็กวัย 2 – 3 ปี จะมีความซุกซนและติดเล่นมากขึ้นต่างจากวัยทารกที่แค่กินนมและนอนหลับไป เพราะลูกจะอยากรู้อยากเห็น ต้องการปลดปล่อยพลังไปกับการเล่น และยังรู้จักการพูดต่อรองและร้องขอสิ่งที่ตัวเองต้องการบ้างแล้ว ซึ่งการนอนหลับอย่างเต็มที่จะทำให้ร่างกายเด็กหลั่งโกรว์ทฮอร์โมน (Growth hormone) ที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตได้อย่างเหมาะสม แต่ถ้าลูกนอนหลับไม่เพียงพออาจส่งผลให้ลูกเป็นเด็กตัวเล็ก สมาธิสั้นหรือมีพฤติกรรมซนผิดปกติ อารมณ์หงุดหงิด แปรปรวนง่าย ซึ่งจะขัดขวางการเรียนรู้และพัฒนาการเด็กที่สมวัย จึงขอชวนคุณพ่อคุณแม่มาดูวิธีปลูกฝังสุขนิสัยการนอนที่ดีให้ลูกวัยเตาะแตะเป็นเด็กอารมณ์ดี สามารถหลับยาวตลอดคืน ไร้ปัญหานอนหลับยากหรืองอแงก่อนเข้านอนกัน
1. พาลูกเข้านอนตรงเวลาทุกวัน
สิ่งสำคัญที่สุดเพื่อฝึกให้ลูกทำกิจวัตรประจำวันคือการปลูกฝังระเบียบวินัย คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกเข้านอนและตื่นตรงเวลาเดิมทุกวัน และจัดสรรเวลานอนกลางวันให้เหมาะสมไม่มากหรือน้อยเกินไป ซึ่งสำหรับเด็กวัยเตาะแตะควรนอนหลับ 12 ชั่วโมงขึ้นไปต่อวัน โดยแบ่งเวลานอนกลางวัน 1 – 2 ชั่วโมงต่อวัน และนอนตอนกลางคืนให้ได้ 10 ชั่วโมง จะช่วยให้ลูกตื่นขึ้นมาอย่างสดใส ให้เขาพร้อมเรียนรู้สิ่งรอบตัวในเช้าวันใหม่ ถือเป็นการช่วยเสริมพัฒนาการเด็ก ทั้งด้านเชาว์ปัญญาหรือ IQ และด้านเชาว์อารมณ์หรือ EQ เด็กได้อย่างเต็มที่
2. กำหนดกิจวัตรก่อนเข้านอน
การมีรูปแบบหรือลำดับกิจวัตรประจำวันที่แน่นอนจะช่วยให้ลูกเรียนรู้เป็นลำดับ เขาจะเริ่มยอมรับและค่อย ๆ ปรับตัว สำหรับการเข้านอนแนะนำให้ส่งสัญญาณให้ลูกรับรู้ตั้งแต่มื้อเย็น ว่าเมื่อกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องทำกิจวัตรอะไรต่อไป โดยตัวอย่างการวางแผนกิจวัตรของลูก เช่น กินข้าวเย็น – อาบน้ำ – ใส่ชุดนอน – ดื่มนม – แปรงฟัน – ฟังนิทาน – หอมแก้ม – บอกราตรีสวัสดิ์ – ปิดไฟเข้านอน เป็นต้น ซึ่งการอาบน้ำก่อนเข้านอนก็ถือเป็นกิจวัตรสำคัญที่ควรใส่ใจเพื่อสุขอนามัยที่ดีและช่วยให้อุณหภูมิในร่างกายลูกเปลี่ยน ลูกจะรู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวมากขึ้น
ไอเท็มแนะนำจากแคร์! ครีมอาบน้ำแคร์ เฮด ทู โท นิวทริ-โอ๊ต ครีมอาบน้ำเด็กและยาสระผมเด็ก (head to toe) ทำความสะอาดผิวเด็กและเส้นผมได้ในขวดเดียว สามารถใช้ได้อย่างสะดวก ช่วยประหยัดเวลาในการอาบน้ำ
- ผ่านการทดสอบ ไฮโป – อัลเลอร์เจนิก ทางการแพทย์ผิวหนังประเทศสหรัฐอเมริกา จึงอ่อนโยนเหมาะกับผิวแพ้ง่าย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- ผสานคุณค่าสารสกัด นิวทริ – โอ๊ต มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวชุ่มชื้นสุขภาพดี
- สูตร pH Balance เหมาะสำหรับผิวบอบบาง ไม่มีสารเคมีอันตราย ไม่มีพาราเบน ไม่มีสีสังเคราะห์ ไม่มีซิลิโคน ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีกลูเตน
- ช่วยทำความสะอาดผิวเด็กให้สะอาดหมดจด พร้อมช่วยปกป้องผิวจากสิ่งสกปรก มลภาวะ เพื่อการดูแลผิวแพ้ง่ายของลูกให้สุขภาพดีตามธรรมชาติ ป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิว ให้ผิวลูกชุ่มชื้น จึงช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอาการคัน ผด ผื่นแดง
เมื่อถึงเวลานอนควรให้ลูกพาตัวเองขึ้นไปนอนบนที่นอน ไม่ควรอุ้มลูกหรือนอนข้างๆ ให้ลูกหนุนตัวจนหลับ และถึงแม้ว่าลูกจะไม่ยอมนอนทันทีหลังปิดไฟ คุณพ่อคุณแม่ควรใจแข็งแล้วปล่อยลูกนอนคนไปเรื่อยๆ อาจรอเวลาสัก 10 นาที แล้วคอยดูว่าลูกนอนหลับหรือยัง? ถ้ายังให้พูดเตือนเบาๆ ว่าควรนอนหลับได้แล้ว

3. สังเกตอุปสรรคในการนอนของลูก
หลายสาเหตุที่อาจะทำให้ลูกเข้านอนยาก ไม่ยอมนอน หรือตื่นกลางดึก อาจเกิดขึ้นจากบรรยากาศภายในห้องนอน ที่ไม่เอื้อต่อการหลับ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องสังเกตว่ามีอะไรที่อาจขัดขวางการนอนหลับของลูกหรือไม่ เช่น มีแสงสว่างในห้องนอน เสียงรบกวนเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เครื่องนอนที่ขนาดไม่พอดีกับตัวลูก อากาศไม่ถ่ายเท หรืออุณภูมิในห้องนอนที่เย็น / ร้อนเกินไป เป็นต้น รวมถึงความไม่สบายตัวทางด้านร่างกายของลูก ซึ่งอาจเกิดจากความอับชื้นและอาการระคายเคืองผิวแพ้ง่ายของลูก ควรหมั่นสังเกตว่ามีผด ผื่นแดง หรือลูกมีอาการคันผิวหรือไม่? และในกรณีที่ลูกยังใส่ผ้าอ้อมอยู่ ให้สำรวจดูว่าผ้าอ้อมที่สวมใส่เลอะเทอะ หรือรัดแน่นเกินไปจนลูกไม่สบายตัวหรือไม่? ซึ่งการดูแลผิวหนังลูกให้ห่างไกลจากความอับชื้นและอาการคัน สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยหลังจากอาบน้ำทำความสะอาดผิวเด็กควรเช็ดตัวลูกให้แห้ง แล้วใช้แป้งทาตัวเด็ก โรยบางๆ ที่ผิวบริเวณจุดอับชื้น เช่น ซอกคอ หลัง ก้น ข้อพับ ขาหนีบ ฯลฯ ซึ่งควรเลือกแป้งเด็กปลอดภัยที่ช่วยให้ผิวเด็กแห้งสบาย ป้องกันผด ผื่นแดง อาการคัน
ไอเท็มแนะนำจากแคร์! แป้งเด็กแคร์ ลาเวนเดอร์ แอนด์ โอ๊ตมิลค์
- ผ่านการทดสอบ ไฮโป – อัลเลอร์เจนิก ทางการแพทย์ผิวหนังประเทศสหรัฐอเมริกา จึงอ่อนโยนเหมาะกับผิวแพ้ง่าย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- กลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ เป็นกลิ่นดอกไม้ที่นิยมนำมาบำบัดเพื่อการนอนหลับ ช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย หลับสบายตลอดคืน
- พร้อมสารสกัดจากโอ๊ตมิลค์ (Oat Milk) หรือน้ำนมข้าวโอ๊ต ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิว ช่วยปลอบประโลมผิวอันบอบบางให้ลูกสบายตัว
- ส่วนผสมจากธรรมชาติ 98% จึงปลอดภัยต่อผิวบอบบาง ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิวเด็ก ไม่มีซิลิโคน ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีพาราเบน ไม่มีสีสังเคราะห์ ไม่มีกลูเตน สามารถใช้ได้สม่ำเสมอทุกวัน
4. ทำกิจกรรมเบาๆ ก่อนเข้านอน
ในช่วงเวลาก่อนเข้านอน 2 – 3 ชั่วโมง ไม่ควรให้ลูกทำกิจกรรมที่ใช้พละกำลังมากหรือหนักจนเกินไป เช่น ออกกำลังกาย กระโดด เต้น วิ่งเล่น ฯลฯ เพราะจะทำให้ลูกหลับยากเพราะยังรู้สึกตื่นเต้นและอาจเก็บไปฝันหรือละเมอกลางดึกได้ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมจากจอ ทั้งแทบเลต มือถือ หรือทีวี เพราะแสงจากจอจะขัดขวางการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ที่ทำใหรู้สึกให้ง่วง ซึ่งจะสร้างขึ้นเมื่อถึงเวลากลางคืนที่ไม่มีแสงหรือแสงสว่างน้อยเท่านั้น ดังนั้น ควรเว้นช่วงก่อนเข้านอนประมาณ 30 นาที เพื่อทำกิจกรรมเบาๆ ร่วมกันเพื่อส่งเขาเข้านอนด้วยความอบอุ่นของทั้งครอบครัว เช่น เล่านิทาน สวดมนต์ ชวนพูดคุยเรื่องที่ชอบของวัน เปิดเพลงบรรเลงคลอเบาๆ เป็นต้น โดยแต่ละวันสามารถให้ลูกเป็นคนเลือกเองได้ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะส่งเสริมให้สมองหลั่งฮอร์โมนเอ็นโดรฟิน (Endorphin) ให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายขึ้น เป็นเด็กอารมณ์ดีก่อนเข้านอน และสำหรับคุณพ่อคุณแม่เด็กเล็กสามารถดูเคล็ดลับกิจกรรมที่ช่วยให้ลูกรักหลับง่าย คลิก
การพาลูกเข้านอนตรงเวลาและมีกิจวัตรเป็นลำดับชัดเจน จะช่วยให้ลูกเรียนรู้และค่อยๆ ทำความเข้าใจกิจวัตรได้ด้วยตัวเอง ลูกจะไม่ต่อต้านเมื่อถึงเวลานอน รวมถึงการเลือกสรรสินค้าเด็กของคุณพ่อคุณแม่ก็ช่วยส่งเสริมคุณภาพการนอนหลับของลูกได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์เด็กที่สามารถมั่นใจในความปลอดภัยและอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย โดยสังเกตว่าผ่านทดสอบ ไฮโป – อัลเลอร์เจนิก และไม่มีสารเคมีที่อาจทำอันตรายและระคายเคืองผิวจนขัดขวางการนอนหลับ เช่น ครีมอาบน้ำเด็กแคร์ head to toe หรือ แป้งเด็กปลอดภัยจากแคร์ เป็นต้น ซึ่งหากลูกนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มก็จะช่วยให้เข้าตื่นมาเป็นเด็กอารมณ์ดี ส่งเสริมให้ลูกมี IQ และ EQ เด็กที่เหมาะสมกับวัย เช่น สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง สามารถตัดสินใจได้ดี รู้จักควบคุมอารมณ์ มีอารมณ์สดใส ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะยิ่งช่วยให้ลูกพร้อมเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว เสริมพัฒนาการเด็กที่ดี และเป็นเด็กอารมณ์ดี สนุกได้ทุกวัน
ข้อมูลอ้างอิง